วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

The Wednesday Boy (1)



            บ่ายวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ณ ใต้ต้นซากุระผมพบ...

            ตุ๊กตาหมี.. ตัวหนึ่ง

            ร่มไม้ใต้ต้นซากุระทาทาบเจ้าหมีเสียจนดูน่าขนลุก ที่รอบข้างนั้นร้างไร้ผู้คนมีผมคนเดียวที่กำลังยืนคว้างอยู่กับซากุระอีกหนึ่งต้นและเจ้าหมีอีกหนึ่งตัว

แต่แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินช้าๆไปหาเจ้าหมี แทนที่จะตรงดิ่งกลับบ้านหรือแวะร้านเกมส์ขาประจำหน้าปากซอย

ผมยื่นมือหยิบมันขึ้นมา..

ตุ๊กตาตัวนี้ใหม่เอี่ยมอ่องเหมือนเพิ่งซื้อ ผมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อมือลูบไปโดนรอยขาดที่แขน เศษนุ่นส่วนหนึ่งนอนกองอยู่ที่พื้น

สายลมเอื่อยพาดผ่านใบหน้าอย่างแผ่วเบา กลีบซากุระปลิวว่อนตกลงมาที่มือของผมสองถึงสามกลีบ

ดวงตาแป๋วแหววของเจ้าขนปุยราวกับจะอ้อนวอนให้ผมช่วยเหลือมัน

………………………………………………..

และแล้วผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนได้ทำสิ่งที่ไม่คาดคิดลงไป! หลังจากกลับถึงบ้านแล้วเปิดกระเป๋าเป้ ผมก็เห็นเจ้าหมีนอนแอ้งแม้งอยู่ในนั้น!!!

อะแฮ่ม! นายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!?”

พี่สาวแอบมองผมจากประตูที่ลืมปิดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ในมือถือน้ำส้มคั้นดื่มอย่างสบายใจเฉิบ แต่ยังคงไม่ละสายตาไปจากสิ่งของในมือผม

ฟึ่บ!!!

มะ..ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!!!”

ผมรีบยัดเจ้าหมีกลับลงกระเป๋าอย่างร้อนรน ใบหน้าแดงแปร๊ดด้วยความเขินอาย

ฮ่าๆๆ

เมื่อเธอได้แกล้งผมนิดๆหน่อยๆแล้วก็เดินจากไป ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วปรี่ไปที่ประตูล็อกกลอนอย่างแน่นหนา!!!

ฮู่ว

เสียงถอนหายใจเล็กๆดังลอดริมฝีปาก ในขณะที่เดินไปหยิบกล่องใส่ของจากมุมหนึ่งของห้อง

ข้างในมีอุปกรณ์ถักเย็บเล็กๆน้อยๆ ผมหยิบเข็มกับด้ายออกมาใช้ความรู้งูงูปลาๆที่ได้มาจากคาบวิชาการงานมารักษาแผลเจ้าหมีแสนโดดเดี่ยวอย่างยากเย็น

ในมือถือเข็ม ปากคาบด้าย ขนาดการร้อยด้ายเข้าเข็มยังดูยากในสายตา

และแล้ว..

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ!!

แทบจะนอนกลิ้งกับพื้นแล้วม้วนหน้าตลบหลังอีกสามที! ถึงแม้ผลงานจะออกมาดูไม่ประณีต แต่สามารถปิดรอยขาดและทำให้นุ่นไม่สามารถหลุดออกมาอีก

นัยน์ตาสีดำของตุ๊กตาในมือเป็นประกายราวยิ้มรับความคิดของเด็กชาย...

………………………………………………..

และแล้วเช้าวันต่อมาผมก็เดินมาที่ใต้ต้นซากุระนั่นอีกครั้ง

ผมวางมันที่พื้นอย่างทะนุถนอม ลูบขนอุยๆบนหัวเจ้าหมีแล้วเผลอคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ขอให้เจ้านายกลับมารับแกเร็วๆนะ!

ผมยืดตัวขึ้น เดินถอยหลังมาสามสี่ก้าวเก็บภาพซากุระและเจ้าหมีผู้โดดเดี่ยวในความทรงจำครู่หนึ่ง แล้วเดินจากไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นมาเต็มอก...


...

ตึก ตึก

ร่างเล็กที่แอบอยู่หลังต้นซากุระค่อยๆเดินออกมา ใบหน้าสวยหวานแต่เรียบเฉยให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเย็นยะเยือก

ยามแสงแดดลอดช่องไม้ส่องลงมาที่ตุ๊กตาตัวน้อยกลับดูอบอุ่นภายใต้บรรยากาศของต้นซากุระ

            เธอนั่งลงที่พื้น ยื่นมือหมายจะจับเจ้าหมี

ดวงตากลมโตสีดำเข้มเบิกโพลงขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อนิ้วเรียวสัมผัสกับรอยขาดที่แขนที่บัดนี้กลับถูกเย็บอย่างเรียบร้อย เธอจ้องเจ้าหมีในมืออีกครั้ง

...

เด็กสาวไม่พูดอะไรเพียงกอดเจ้าหมีหลวมๆในอ้อมแขน ร่างเล็กลุกขึ้นด้วยท่วงท่าสง่างาม

ฉับพลันร่างของเธอก็อันตรธานหายไปในพริบตา มีเพียงกลีบซากุระร่วงโรยบนพื้นบอกตัวตนของผู้ที่เคยยืนอยู่...



 เพียงเสี้ยววินาทีที่รอยยิ้มอบอุ่นนั้นประดับใบหน้า มีเพียงซากุระต้นนี้ที่ได้เห็นมัน...


#รอยยิ้มของเธอ--13 ม.ค. 56


บทความนี้กับบทความในลิงค์เราเขียนเองค่ะ..แฮะๆ ฝากติดตามด้วยนะคะ!!!
http://writer.dek-d.com/blablablajung/writer/view.php?id=898859

ตาข่ายดักฝัน (Dreamcatcher)


ตาข่ายดักฝัน (Dreamcatcher)

ประเพณีดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองในเผ่าอินเดียนแดง เชื่อกันว่าเป็นเครื่องรางดักจับความฝัน เรียกกันว่า “Dreamcatcher” มีความหมายถึง ตาข่ายดักฝันหรือ เครื่องดักความฝันจะช่วยกรองความฝันให้ฝันดีอยู่กับตัว และฝันร้ายสลายไป ลักษณะของตาข่ายดักความฝันจะเป็นห่วงวงกลม ด้านในถักเป็นตาข่าย ด้านข้างประดับด้วยขนนก ลูกปัด รวมทั้งเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆ

การแขวน ตาข่ายดักฝันช่วยปกป้องเด็กๆให้พ้นจากภัยมืด เพราะฝันร้ายเหล่านั้นจะถูกกักไว้ในตาข่ายไม่ให้ออกไปไหน จนกระทั่งถึงยามฟ้าสาง ฝันร้ายก็จะมลายหายไปเอง ส่วนฝันดีก็จะถูกกรองให้ผ่านรูตาข่ายไปสู่เด็กๆตลอดยามราตรี



ขอบคุณข้อมูลจาก




















.